สติกเกอร์สินค้าสร้างมาตรฐานให้กับแบรนด์ได้อย่างไร

องค์ประกอบของสติกเกอร์สินค้า

สติกเกอร์สินค้า

ในการสร้างแบรนด์สินค้าขึ้นมานั้น นอกจากจะต้องใส่ใจในคอนเซปท์ของผลิตภัณฑ์และใส่ใจในกระบวนการผลิตแล้ว ยังต้องใส่ใจขั้นตอนหลังการผลิตก่อนที่จะนำออกวางจำหน่ายอีกด้วย เพราะแค่เพียงเอาสินค้าใส่บรรจุภัณฑ์ เช่น ขวด กระปุก กล่อง หรือถุง แล้วก็นำไปวางขายเลยนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สินค้าน่าสนใจและน่าซื้อได้

อีกทั้งสินค้าที่ไม่มีรายละเอียดใด ๆ บนบรรจุภัณฑ์เลย ไม่มีทั้งชื่อสินค้า รายละเอียดส่วนผสม แหล่งผลิต หรือเครื่องหมายรับรองคุณภาพ ก็ย่อมทำให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าเกิดความไม่เชื่อถือในตัวผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ก็จะพลาดโอกาสในการทำให้ลูกค้าเลือกหยิบสินค้าขึ้นมาพิจารณาและซื้อสินค้าชิ้นนั้นไปใช้

วิธีที่จะทำให้สินค้าดูโดดเด่นสะดุดตา น่าสนใจ และยกระดับแบรนด์สินค้าให้มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือขึ้น ก็คือการผลิตสติกเกอร์สินค้าไว้สำหรับติดบนบรรจุภัณฑ์ โดยสติกเกอร์สินค้านั้นจะทำหน้าที่บอกเล่าความเป็นและบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าทั้งหมด

สติกเกอร์สินค้าที่จะช่วยให้แบรนด์มีมาตรฐาน ประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

  • รูปภาพส่วนผสมสำคัญของสินค้า หรือภาพกราฟฟิคที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์สำคัญของสินค้า
    สติกเกอร์สินค้าที่มีรูปภาพส่วนผสมสำคัญของสินค้า หรือภาพกราฟฟิคที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์สำคัญของสินค้า จะสามารถบอกผู้ซื้อได้ทันทีว่าสินค้านั้นคืออะไร เกี่ยวข้องกับอะไร หรือมีส่วนผสมใดเป็นส่วนผสมหลักของสินค้า


    เช่น เครื่องดื่มที่ผสมน้ำพีช บนสติกเกอร์สินค้าก็ควรมีรูปพีชเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของสติกเกอร์สินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์เทียนหอมเพื่อความผ่อนคลาย ก็ควรใส่ภาพกราฟฟิคที่ออกแบบให้สื่อถึงความผ่อนคลายลงไปบนสติกเกอร์สินค้าด้วย

  • ชื่อแบรนด์
    สติกเกอร์สินค้าจะต้องมีชื่อแบรนด์อยู่บนนั้นเสมอ เพื่อบอกว่าสินค้านี้เป็นของบริษัทหรือผู้ผลิตเจ้าใด สติกเกอร์สินค้าจะช่วยให้ผู้ซื้อจดจำแบรนด์สินค้าได้ และหากยิ่งมีการออกแบบโลโก้สินค้าให้มีความสวยงาม ก็จะยิ่งทำให้สติกเกอร์สินค้ามีความโดดเด่นมากขึ้น


  • รายละเอียดของสินค้า
    สินค้าที่น่าใช้จะต้องมีรายละเอียดของสินค้าอยู่บนสติกเกอร์สินค้าด้วย เพื่อให้ผู้ซื้อรู้ว่าสินค้าชนิดนี้คืออะไร เช่น ครีมวิตามินอีผสมนมข้าว เยลลี่กลิ่นส้มผสมองุ่น หรือหนังปลาแซลมอนทอดกรอบ รสเผ็ด เป็นต้น


    รายละเอียดของสินค้าที่อยู่บนสติกเกอร์สินค้านั้น จะต้องใส่ลงไปให้ชัดเจนว่าสินค้านั้นคืออะไร ส่วนผสมหลักที่เป็นจุดขายคืออะไร และมีรสหรือกลิ่นเป็นเช่นใด เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เวลากวาดตาอ่านข้อความบนสติกเกอร์สินค้าเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าจุดขายและหัวใจหลักของสินค้าชนิดนั้น ๆ คืออะไร

  • รายละเอียดวัตถุดิบและส่วนผสมของสินค้า
    สินค้าที่น่าเชื่อถือและน่าซื้อไปใช้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบอกรายละเอียดของวัตถุดิบและส่วนผสมของสินค้าลงบนสติกเกอร์สินค้าให้ชัดเจน ไม่ว่าสินค้าชนิดนั้น ๆ จะเป็นอาหาร หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างอื่น เช่น สกินแคร์ น้ำยาล้างจาน หรือแม้กระทั่งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือก็ตาม


    เพราะรายละเอียดของวัตถุดิบและส่วนผสมนั้น จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รู้ว่าตนเองกำลังเลือกซื้อสินค้าที่มีส่วนผสมอะไรไปกินไปใช้บ้าง และผู้บริโภคจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่าส่วนผสมเหล่านั้นมีคุณประโยชน์อะไรบ้าง และจะก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาหรือไม่

  • ข้อมูลของผู้ผลิต 
    สติกเกอร์สินค้าที่ดีที่จะช่วยสร้างมาตรฐานให้กับแบรนด์ได้ จะต้องเป็นสติกเกอร์สินค้าที่บอกรายละเอียดของผู้ผลิตด้วย โดยรายละเอียดดังกล่าวที่อยู่บนสติกเกอร์สินค้า จะต้องมีทั้งชื่อบริษัทผู้ผลิต ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางการติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต และหากสินค้าชนิดนั้น มีผู้ผลิต ผู้จำหน่ายหรือผู้นำเข้าเป็นคนละบริษัทกัน ก็จะต้องใส่รายละเอียดของทั้งสองบริษัทลงไปบนสติกเกอร์สินค้าให้ชัดเจนด้วย


  • ข้อมูลแสดงการรับรองมาตรฐานสินค้า 
    องค์ประกอบที่สำคัญมากอีกหนึ่งอย่างที่ควรมีอยู่บนสติกเกอร์สินค้า ที่จะช่วยทำให้แบรนด์มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือมากขึ้น ก็คือการใส่ข้อมูลแสดงการรับรองมาตรฐานของสินค้าที่ได้รับมาจากหน่วยงานรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ตราและเลขอย., สัญลักษณ์มาตรฐาน GMP, เครื่องหมายฮาลาล หรือมาตรฐาน HACCP (มาตรฐานการวิเคราะห์อันตราย และจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม)


  • ข้อมูลปริมาณหรือน้ำหนักสุทธิของสินค้า
    เพื่อความเป็นธรรมและเพื่อความซื่อสัตย์กับผู้บริโภค บนสติกเกอร์สินค้าควรมีข้อมูลบอกปริมาณหรือน้ำหนักสุทธิของสินค้า เช่น น้ำพริกแกง น้ำหนักสุทธิ 100 กรัม, โลชั่น ปริมาณสุทธิ 350 มิลลิลิตร หรือวิตามิน 200 เม็ด


  • วิธีใช้
    สติกเกอร์สินค้าควรแสดงวิธีใช้สินค้าให้ผู้บริโภคได้ทราบรายละเอียดด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอาหาร หรือเครื่องอุปโภคก็ตาม เช่น หากเป็นสกินแคร์ บนสติกเกอร์สินค้าก็ควรระบุด้วยว่าใช้ทาหน้า เช้าหรือเย็น ต้องทาก่อนหรือหลังผลิตภัณฑ์ตัวอื่น หากเป็นสินค้าประเภทวิตามิน บนสติกเกอร์สินค้าก็ควรระบุช่วงเวลาและปริมาณการกินในแต่ละวันให้ชัดเจน เช่น กินวันละ 1 เม็ด ก่อนอาหาร


  • ข้อมูลโภชนาการ
    ในกรณีที่เป็นสินค้าประเภทอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ สติกเกอร์สินค้าจะต้องมีข้อมูลโภชนาการ ที่บอกถึงปริมาณสารอาหารที่ผู้บริโภคจะได้รับต่อหนึ่งหน่วยบริโภคด้วย


  • คำเตือน 
    สติกเกอร์สินค้าควรมีคำเตือนในการใช้สินค้ากำกับไว้ด้วยเสมอ ไม่ว่าสินค้าชนิดนั้น ๆ จะเป็นสินค้าอันตรายหรือไม่ก็ตาม เช่น ข้อความเตือนให้เก็บผลิตภัณฑ์ให้พ้นมือเด็ก, ข้อความเตือนห้ามรับประทานเกินปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก, ข้อความเตือนไม่ให้ทาผลิตภัณฑ์ใกล้บริเวณรอบดวงตา เพราะอาจทำให้ระคายเคือง หรือข้อความเตือนให้เก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในตู้เย็นทุกครั้ง หลังเปิดใช้งาน ข้อความทั้งหมดนี้ควรมีอยู่บนสติกเกอร์สินค้าเสมอ


  • เลขที่ผลิต วันที่ผลิต และวันหมดอายุ รวมถึงข้อมูลบอกอายุการใช้งานของสินค้า
    สินค้าที่น่าเชื่อถือและจริงใจกับผู้บริโภค บนสติกเกอร์สินค้าจะต้องมีการระบุเลขที่ผลิต วันที่ผลิตและวันหมดอายุ รวมถึงข้อมูลของอายุการใช้งานของสินค้า เช่น 12M หรือ 24M ซึ่งหมายถึงสินค้าจะมีอายุการใช้งานก่อนเปิดใช้อยู่ที่ 12 เดือน และ 24 เดือน


  • บาร์โค้ด
    หากต้องการทำให้สินค้ามีคุณภาพน่าเชื่อถือ และวางแผนจะวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ หรือส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ก็ควรมีบาร์โค้ดอยู่บนสติกเกอร์สินค้าด้วย เพราะ บาร์โค้ดเป็นเลขหมายประจำตัวของสินค้า ประกอบด้วยแท่งบาร์ขาว-ดำ และตัวเลข 8-13 หลัก ซึ่งสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนเนอร์ เวลาชำระเงินหรือต้องการตรวจสอบข้อมูลสินค้า


    แต่ก่อนจะใส่บาร์โค้ดลงไปบนสติกเกอร์สินค้า จะต้องมีการไปขออนุญาตจดทะเบียนกับสถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย “Thai Article Numbering Council” หรือ “TANC” เสียก่อน จึงจะได้บาร์โค้ดมาใช้

 

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ คงจะทราบกันแล้วว่าสติกเกอร์สินค้านั้นมีความสำคัญต่อการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ขนาดไหน เพียงผลิตสติกเกอร์สินค้าให้ถูกต้องตรงตามหลักการแล้ว ก็ช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าได้มากเลยทีเดียว และจะทำให้สินค้าน่าซื้อมาใช้มากกว่าสินค้าที่ไม่มีสติกเกอร์สินค้าบอกรายละเอียดใด ๆ ของสินค้าเลย

หากแบรนด์สินค้าใดกำลังคิดจะออกแบบหรือปริ้นสติกเกอร์ โรงพิมพ์ All in One Printing ก็พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ด้วยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลออฟเซ็ทที่ทันสมัย สามารถควบคุมคุณภาพของสีของงานพิมพ์ให้ใกล้เคียงกับงานพิมพ์ที่ลูกค้าต้องการได้ พร้อมทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านงานพิมพ์มากกว่า 10 ปี และหากคุณไม่มีผู้ออกแบบสติกเกอร์สินค้าหรืองานพิมพ์ให้ All in One Printing ก็มีบริการกราฟฟิค ดีไซน์ที่จะช่วยออกแบบสติกเกอร์สินค้าให้คุณได้ตามต้องการ อีกทั้งยังมีวัสดุปริ้นสติกเกอร์สินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท เพื่อให้คุณได้สติกเกอร์สินค้าที่ตรงใจและมีคุณภาพ

ติดต่อเราโรงพิมพ์ โรงพิมพ์ดิจิตอล All in One Printing
รับพิมพ์ซองจดหมาย 
พิมพ์คูปอง พิมพ์บิล

https://www.allinoneprinting.co.th
โทรศัพท์ : 02-115-3468
โทรศัพท์ : 02-865-2689, 02-865-2493
อีเมล : sale8.aiop@gmail.com



Visitors: 183,921